สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญป้อมพระจุลจอมเกล้า
๑. ศาลพระนเรศ - นารายณ์ หรืออีกนามหนึ่งคือ พระวิษณุ
ถือเป็นเทพทางศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูการสักการะศาล พระนเรศ - นารายณ์ เพื่อเป็นสิริมงคลแด่ผู้ที่เข้าเยี่ยมชม
ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำป้อมพระจุลจอมเกล้า สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำป้อมพระจุลจอมเกล้า
ศาลนี้ขาดว่าสร้างคู่มาพร้อมกับการสร้างป้อมพระจุลจอมเกล้า ในปี พ.ศ.2427
๒. พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๕
สักการะพร้อมกับวิทยากรบรรยายประวัติความเป็นมาในการสร้างขึ้นเพื่อเป็นราชานุสรณ์ และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแด่
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กองทัพเรือได้ร่วมกับภาคเอกชนจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นราชานุสรณ์เเละรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ
ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ 19 มกราคม 2536
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ พร้อมด้วย
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิด
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า
๓. ห้องนิทรรศการป้อมพระจุลจอมเกล้า
เป็นห้องเเสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้า ที่มีโอกาศรับใช้ชาติสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มที่ เเละสมเกียรติในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 เมื่อ 23 ตุลาคม 2544 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดห้องนิทรรศการ
๔. ป้อมปืนเสือหมอบ
เป็นป้อมปืนใหญ่โดยมีลักษณะเป็นหลุมจำนวน ๗ หลุม ถือเป็นปืนใหญ่บรรจุท้ายรุ่นแรกที่มีใช้ในกองทัพเรือที่พระบาทสมเด็จ-
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๗ เพื่อสกัดกั้นการรุกล้ำของเรือรบต่างชาติ
ปืนใหญ่อาร์มสตอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อจัดซื้อปืนใหญ่ จำนวน 10 กระบอก
ติดตั้งไว้ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า จำนวน 7 กระบอก เเละป้อมผีเสื้อสมุทร จำนวน 3 กระบอก ติดตั้งเมื่อปี พ.ศ.2436
ต่อมา วันที่ 10 เม.ย.2436 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยเรือพระที่นั่งมหาจักรี
เพื่อทอดพระเนตรป้อม เเละทดลองยิงปืนด้วยพระองค์เอง เเละทรงพระราชทานนามป้อมเเห่งนี้ว่า "ป้อมพระจุลจอมเกล้า"
๕.โรงเรียนศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน
เป็นสะพานเฌอร่าระยะทาง ๗๕๐ เมตร พร้อมป้ายบอกชื่อพันธุ์พืชและสัตว์น้ำต่าง ๆ ถือเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ทางวิชาการ
จากสถานที่จริงในเรื่อง ชีวิตของพันธุ์ไม้ และสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนในพื้นที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2542
เพื่อเป็นเเหล่งศึกษาหาความรู้ทางวิชาการจากสถานที่จริง เช่น ชีวิตของพันธ์ุไม้เเละสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน
ในพื้นที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า ประกอบด้วย โกงกางใบเล็ก โกงกางใบใหญ่ โพทะเล ลำพู ลำเเพน
เหงือกปลาหมอ จาก ปู้ก้ามดาบ กุ้งดีดขัน ปลาตีน เป็นต้น
๖.พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง
พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง ได้อนุรักษ์ จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบกลางแจ้ง เมื่อ ๓๐ ก.ย.๓๙ น้อมเกล้า ฯ ถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี เพื่อเป็นประโยชน์
ในการศึกษาประวัติศาสตร์ การพัฒนาการทางทหาร และการค้นคว้าหาความรู้ ความเพลิดเพลินของประชาชนทั่วไป
และเพื่อสนองพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ให้กองทัพเรืออนุรักษ์เรือรบที่มีคุณค่า และมีความสำคัญไว้
๗. อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือเป็นอุทยานกลางแจ้ง (อาวุธปืน)
ทหารเรือได้จัดสร้างเพื่อน้อมเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒ โดยได้จัดหาอาวุธประเภทต่าง ๆ ซึ่งเก็บรักษาไว้นำมา ตกแต่ง ซ่อมทำ และจัดแสดงตาม
ยุคสมัย ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์อาวุธกลางแจ้ง เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาวิวัฒนาการทางอาวุธของทหารเรือในการป้องกันประเทศ
ตั้งแต่ในอดีตจนถึงบทบาทในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในปัจจุบัน รูปแบบของอุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ ประกอบด้วย
๑. อาคารนิทรรศการ
๒. ศาลาแสดงเหตุการณ์ที่สำคัญต่าง ๆ ของทหารเรือ จำนวน ๙ หลัง
๓. การจัดวางและตั้งแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งส่วนประกอบต่าง ๆ กลางแจ้ง ซึ่งมีความสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทหารเรือ แบ่งออกเป็น ๕ กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ ๑ เป็นกลุ่มของปืนหลุม หรือปืนเสือหมอบ จำนวน ๗ กระบอก กับข้อมูลของปืนและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่อพระอัจฉริยะภาพและสายพระเนตรที่กว้างไกล ของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
กลุ่มที่ ๒ เป็นกลุ่มปืนอาวุธสมัยรัชกาลที่ ๕ และสมัยรัชการที่ ๖ โดยเน้นกลุ่มอาวุธของเรือหลวงพระร่วง และการจัดหาเรือหลวงพระร่วง ของรัชกาลที่ ๖ รวมทั้งยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ในสองรัชสมัย สำหรับปืนและส่วนประกอบที่ตั้งแสดงมีดังนี้
- ปืน ๑๒๐/๔๐ มม. ปืน ๓๗ มม.ล้อสนาม ตอร์ปิโด ๔๕ ค.
- ปืน ๗๖/๔๐ มม. (ญี่ปุ่น) ตอร์ปิโดแบบ ๔๕ ก. ตอร์ปิโด ๔๕ ง.
- ปืน ๕๗/๔๐ มม. (แท่นเรือ) ทุ่นระเบิดแบบหมวกแขก ปืน ๑๒๐/๔๐ มม.(เรือหลวงพระร่วง)
- ปืน ๓๗/๒๐ มม. (แท่นเรือ) ปืนกล ๓๗ มม.แคทเธอริ่งกัน ๕ ลำกล้อง ตอร์ปิโด ๕๓ ก.
- ปืน ๔๗/๔๐ มม. ล้อสนาม (ปืนเที่ยง) ปืนกล ๑๑ มม.แคทเธอริ่งกัน ๑๐ ลำกล้อง
- ปืนกล ๔๐/๔๐ มม. แท่นเดียว ปืน ๕๗/๔๐ มม. ล้อสนามปืน ๕๗ มม. (ติดตั้งบนเรือตอร์ปิโด)
- ปืนกล ๘ มม. ฮอทดิส ปืน ๓๗/๒๐ มม. ล้อสนามตอร์ปีโด ๔๕ ข.
กลุ่มที่ ๓ เป็นกลุ่มปืนและอาวุธ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ ยุทธนาวีที่เกาะช้าง และในช่วงของสงครามโลกครั้งที่ ๒ การแสดงของอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ประกอบ ซึ่งมีอาวุธดังนี้
ตอร์ปิโดแบบ ๔๕ ก. ปืนกล ๒๐ มม.แมดเสน แบบ ๗๗ ปืน ๔๐/๔๐ มม.แท่นคู่
ปืน ๗๖/๔๕ มม. ปืนกล ๒๐ มม.แมดเสน แบบ ๘๐ ปืน ๗๕/๕๑ มม. ปืน ๗๕/๕๑ มม.
กลุ่มที่ ๔ เป็นกลุ่มปืนและอาวุธที่กองทัพเรือมีไว้ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถึงปัจจุบัน รวมถึงการจัดวางยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย คอมมิวนิสต์ ในยุทธการต่าง ๆ กับการแสดงข้อมูลทางอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยมีรายการดังนี้
- ปืน ๗๕/๔๑ มม. ปืน ๑๐๒/๔๕ มม.ของเรือหลวงโพธิสามต้น ปืนกล ๒๐ มม.เออริคอน
- ปืนยิงรถถังขนาด ๓๗ มม.ล้อสนาม เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด ๔.๒ นิ้ว เรือตรวจการลำน้ำ (PBR)
- ปืน ๙๐ มม.ล้อสนาม ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังขนาด ๗๕ มม. รถสะเทอนน้ำสะเทินบก (LVT)
กลุ่มที่ ๕ เป็นการจัดวางสิ่งก่อสร้างและส่วนประกอบต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงบทบาทของกองทัพเรือ ยามสงบในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เช่น ฐานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเลจำลองเรือประมงพร้อมข้อมูลประกอบ